วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Apple ลุยตลาดการศึกษาประเทศไทย พัฒนาตำราเรียนบน iBooks ประเดิม 500 โรงเรียนปีแรก

apple25-1-2556
        นายวิโรจน์ อัศวรังสี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ แอสไพเรอร์ส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายระบบด้านการศึกษาของบริษัท แอปเปิล ประเทศไทย เปิดเผยว่า รูปแบบการเรียนการสอนทั่วโลกเริ่มมีการใช้แท็บเล็ตทดแทนหนังสือเรียนบางส่วน มาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน การที่ประเทศไทยมีโครงการแท็บเล็ต ป.1 เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ทำให้มีการใช้งานกว้างขวางมากขึ้น และยังส่งผลให้ตลาดคอนเทนต์มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาทที่เป็นรูปหนังสือ เริ่มปรับมาเป็นระบบดิจิตอลมากขึ้นตามไปด้วยทั้งนี้ แอสไพเรอร์ส ได้ร่วมมือกับสำนักพิมพ์วัฒนาพานิช ซึ่งมีตำราเรียนมากที่สุด ได้ร่วมกันพัฒนาโซลูชันตำราเรียนดิจิตอลบนเทคโนโลยีไอบุ๊กส์ของแอปเปิล ทำให้นักเรียนได้ใช้หนังสือเรียนยุคใหม่บนไอแพด สามารถดูรูปภาพและวิดีโอ และเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ได้ทั่วโลก โดยได้พัฒนาครบทั้ง 8 สาระวิชาสำหรับนักเรียน ม.1 แล้ว และกำลังเดินหน้าพัฒนาสำหรับระดับชั้นอื่นๆ ต่อไปสำหรับในปีแรก แอสไพเรอร์ส ตั้งเป้ามีโรงเรียนที่นำระบบดังกล่าวไปใช้งานประมาณ 500 โรงเรียน จากโรงเรียนในประเทศไทยที่มีกว่า 3.9 หมื่นโรงเรียน โดยล่าสุดมี 20 โรงเรียนแสดงความสนใจเข้ามาแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโซลูชันให้รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และวินโดวส์ 8 ในปีนี้ เพื่อขยายตลาดในอนาคต

       “หากต้องการลงทุนโซลูชันสมบูรณ์ทั้งระบบ 1 ห้องเรียน สำหรับนักเรียน 40 คน ใช้เงินประมาณ 7-8 แสนบาท ถือว่าใกล้เคียงกับห้องโสตทัศนศึกษา” นายวิโรจน์ กล่าวนายวรชัย จงพิพัฒนสุข กรรมการ บริหาร สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช กล่าวว่า ต้นทุนคอนเทนต์ต่อชิ้นจะใกล้เคียงกับหนังสือเรียน คือ ราคาไม่เกิน 100 บาท แต่คอนเทนต์บนไอแพดจะสวยงามกว่า ครบถ้วนสมบูรณ์ ส่งเสริมการเรียนรู้มากกว่า แม้จะมีต้นทุนฮาร์ดแวร์คือ ไอแพด เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ถือว่าคุ้มค่านอกจากนี้ ยังเชื่อว่าสุดท้ายแล้วในอีก 3 ปีข้างหน้า ไอแพดและแท็บเล็ตจะเป็นอุปกรณ์หลักในการเรียนรู้ของเด็ก ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น“หนังสือเรียนดิจิตอล ส่วนใหญ่เป็นไฟล์พีดีเอฟเท่านั้น อาจจะมีสอดแทรกแฟลช หรืออินเตอร์แอ็กทีฟ แต่ที่ทำเต็มรูปแบบเป็นโซลูชันการเรียนรู้ ต้องบอกว่าแอสไพเรอร์ส และวัฒนาพานิช ทำเป็นแห่งแรกในอาเซียน และอนาคตมีโอกาสไปขยายตลาดต่างประเทศ แต่จะเน้นในไทยก่อน” นายวรชัย กล่าวด้านนายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนผ่านจากหนังสือไปสู่หนังสือดิจิตอล ทางสมาคมได้ประเมินแล้วคาดว่าในเวลา 3 ปีนี้จะยังไม่ถือเป็นนัยสำคัญต่อตลาด และไม่น่ากระทบต่อหนังสือปกติขณะเดียวกัน เมื่อประเมินจากมูลค่าตลาดรวมหนังสือปกติกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท พบว่ามีสัดส่วนยอดจำหน่ายหนังสือดิจิตอลประมาณ 1% เท่านั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ระบบซื้อขายคอนเทนต์หนังสือบนอุปกรณ์|แท็บเล็ตยังไม่ชัดเจน การแบ่งรายได้ระหว่างผู้ผลิต ผู้พัฒนาระบบ สำนักพิมพ์ และผู้ให้บริการแอพสโตร์ยังไม่ลงตัวนอกจากนี้ ยังเห็นได้ว่าปัจจุบันจำนวนผู้ใช้แท็บเล็ตในประเทศไทยยัง|ไม่กว้างพอ รวมทั้งโครงข่ายยังไม่พร้อมสำหรับให้ดาวน์โหลด และราคาหนังสือดิจิตอลยังไม่จูงใจมากนัก เมื่อเทียบกับราคาหนังสือปกติอย่างไรก็ตาม ทางสมาคมก็เตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหากหนังสือดิจิตอลจะเกิดขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดกับหนังสือเรียนก่อน เนื่องจากมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพ และมีการพัฒนาหนังสือเรียนดิจิตอลเพื่อใช้งานบนแท็บเล็ต ป.1 ได้“ต่างประเทศจะเห็นหนังสือดิจิตอลเริ่มแพร่หลายขึ้น เพราะปริมาณผู้ใช้มีมากพอ ทำให้คุ้มค่ากับการผลิตพัฒนา แต่ในประเทศไทยยังต้องใช้เวลา” นายวรพันธ์ กล่าวสำหรับในส่วนของการเรียนการสอนนั้น จากนโยบายรัฐบาลให้ใช้แท็บเล็ต เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บความรู้และเข้าถึงความรู้ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนหนังสือเรียนดิจิตอล แต่ที่สำคัญคือต้องดูระดับอายุของผู้ใช้ หากผู้ใช้ยังอายุน้อย หรือเด็กเกินไปก็ไม่มีประโยชน์ และต้องมีระบบควบคุมที่ดีด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการใช้ที่ส่งผลเสียต่อเยาวชน


ที่มา:http://www.itday.in.th/apple-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น